มีอะไรบ้าง ที่ไว้ใช้ตัดสินใจในการเลือกกองทุนรวมสักกองเพื่อไว้ลงทุนให้เงินงอกเงย ไปอ่านกัน….
สนใจรับชมแบบวีดีโอ สามารถกดรับชมได้จากลิงค์นี้นะคะ
1. ความเสี่ยงของกองทุนรวม เนื่องจากกองทุนรวมนั้นมีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ซึ่งลักษณะสินทรัพย์ที่ต่างกัน ทำให้แบ่งความเสี่ยงของกองทุนรวมได้ 8 ระดับ
โดยระดับที่ 1-4 จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้
ระดับที่ 5 จะเป็นกองทุนผสมระหว่างตราสารหนี้และตราสารทุน
ระดับที่ 6-7 จะเป็นการลงทุนที่เน้นในหุ้น
และระดับที่ 8 จะลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ น้ำมัน ตราสารอนุพันธ์
เลือกความเสี่ยงให้เหมาะกับแผนการเงินของเรา และความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ และสบายใจในการลงทุนสนใจอ่านเพิ่มเติมเรื่อง “ความเสี่ยง 8 ระดับของกองทุนรวม” สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากลิงค์นี้นะคะ https://doctorwanttime.com/2020/05/04/ความเสี่ยง-8-ระดับของกอง/
2. ศึกษาเรื่องนโยบายการลงทุน ถึงแม้จะลงทุนในสินทรัพย์ลักษณะเดียวกัน แต่รายละเอียดในนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุนก็แตกต่าง รายละเอียดของนโยบายที่ต่างกัน ก็จะมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เช่น กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารทุน(หุ้น) ก็จะมีทั้งลงทุนหุ้นในประเทศ ลงทุนหุ้นในต่างประเทศเฉพาะประเทศ เช่น กองทุนหุ้นจีน กองทุนหุ้นเวียดนาม หรือลงทุนหุ้นทั่วโลก
มีทั้งแบบนโยบายการลงทุนมุ่งให้ได้ผลตอบแทนดีกว่าตัวชี้วัดที่เราเรียกว่า แบบ active fund หรือบางกองทุนหุ้นก็ลงทุนล้อไปกับดัชนีหรือตัวชีวัด ที่เรียกว่า passive fund
ดังนั้นถึงลงลงทุนในสินทรัพย์ลักษณะเดียว แต่รายละเอียดต่างกัน ก็จะมีความเสี่ยงต่างกัน และปัจจัยที่มากระทบแตกต่างกัน
3. ค่าธรรมเนียมกองทุน ค่าธรรมเนียมกองทุนแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่
– ค่าธรรมที่เรียกเก็บจากกองทุน เราเรียกรวมๆว่า total expense ratio(TER) ค่าธรรมเนียมนี้ส่วนใหญ่เป็นค่าการจัดการกองทุน นอกนั้นก็จะมีค่าผู้ดูแลผลประโยชน์ ค่านายทะเบียน
ค่าธรรมเนียมนี้เขียนไว้เป็น % ต่อปีแต่จะมีการหักเฉลี่ยเป็นรายวัน ค่าธรรมเนียมจะมีผลต่อผลตอบแทนที่เราจะได้รับ
– ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากเราโดยตรง เป็นค่าธรรมเนียมซื้อ ขาย หรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน บางกองทุนมี บางกองทุนไม่มี ค่าธรรมเนียมนี้จะแฝงอยู่ในราคาที่เราไปซื้อหรือขายหน่วยลงทุน ดังนั้น ราคาซื้อ-ราคาขาย จะไม่เท่ากับ NAV ต่อหน่วย เพราะมีค่าธรรมเนียมนี้แฝงอยู่
4. ผลการดำเนิงานในอดีต ถึงแม้ผลงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต แต่ก็พอเป็นแนวทางช่วยเราในการตัดสินใจ ถ้ากองทุนนั้นทำผลงานมาดีได้ตลอดระยะเวลายาวพอสมควรก็จะน่าสนใจกว่า กองทุนที่ผลงานไม่ดี
การดูผลงานควรดูทั้งในระยะยาว และระยะสั้น ไม่ควรดูแค่ผลตอบแทนระยะสั้นเท่านั้น การดูก็ควรดูเทียบกับตัวชี้วัด และกองทุนที่มีลักษณะเดียวกันด้วยนะ เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกสนใจอ่านเพิ่มเติม “3 ดูผลงานกองทุนรวม เพื่อเลือกกกองทุนหุ้นดี” ได้จากลิงค์นี้นะคะ https://doctorwanttime.com/2020/05/14/compare-fund/
5. ความผันผวนของผลตอบแทน หรือค่า SD เป็นอีกค่าหนึ่งที่สำคัญ ที่เราต้องดูเทียบไปกับเรื่องของผลตอบแทน กองทุนที่น่าสนใจควรเป็นกองทุนที่ผลตอบแทนดีอย่างสม่ำเสมอ คือ ค่า SD น้อย ซึ่งเวลาที่เราเขาไปดูหัวข้อ “ผลการดำเนินงานในอดีต” ที่อยู่ในหนังสือชี้ชวน เขาก็จะมีเขียนไว้ และมีเทียบให้ดูกับตัวชี้วัด และเทียบกับกลุ่มกองทุนที่มีลักษณะเดียวกันไว้ให้เราดูด้วย อย่าลืมพิจารณาตรงนี้ด้วยนะ
การลงทุนในกองทุนรวมถือเป็นการลงทุนหนึ่งที่น่าสนใจ เหมาะกับคนที่อยากลงทุนแต่ไม่มีเวลาศึกษาเรื่องการลงทุนมากนัก แต่ยังไงเราก็ควรศึกษารายละเอียดก่อนการลงทุนนะ
————————————
E-book “ก้าวสู่เป้าหมายด้วยกองทุนรวม”
ที่อธิบายถึงเรื่องของกองทุนรวม ค่าต่างๆ ที่ควรรู้ก่อนลงทุน
วิธีการเลือกกองทุนรวมลักษณะต่างๆ ให้เหมาะกับแผนการเงินของเรา ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน ตราสารหนี้ การเลือกกองทุนหุ้นแบบ passive และ active fund รวมไปถึงกองทุนประหยัดภาษี
สนใจสามารถเข้าไปทดลองอ่านและสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์ของ ookbee และ meb ได้เลยนะคะ
