ในช่วงที่นี้หลายคนน่าจะได้ยินข่าวว่า bond yield มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลกับตลาดหุ้นได้ มาอ่านสรุปเข้าใจง่ายๆ กันว่า bond yield ที่เขาพูดถึงกันคืออะไร ส่งผลยังไงกับตลาดหุ้น
สนใจรับชมแบบวีดีโอ รับชมได้จากคลิปนี้นะคะ
Bond Yield คือ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่นักลงทุนทั่วโลกสนใจ คือ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รุ่นอายุ 10 ปี
ต้องเข้าใจก่อนว่า Bond Yield นั้น”ไม่ใช่” แค่อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกำหนดตายตัวที่หน้าตั๋วนะ
Bond Yield หรืออัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรนั้นคิดมาจากผลตอบแทนที่ได้เทียบกับ “ราคา” ของพันธบัตรรัฐบาลที่ซื้อขายกันในตลาด เมื่อราคาในตลาดของพันธบัตรถูกลง อัตราผลตอบแทนหรือที่เรียกกันว่า Bond Yield จะเพิ่มขึ้น (ก็คล้ายๆ กับการซื้อขายหุ้นนะ ถ้าเราซื้อหุ้นราคาถูก ผลตอบแทนที่ได้จากหุ้นก็จะมาก แต่ถ้าซื้อมาแพงก็ได้ผลตอบแทนน้อย)
สรุปก็คืออัตราผลตอบแทนของพันธบัตร (Bond Yield) จะเคลื่อนไหวสวนทางกับราคาของตราสารหนี้
คนที่ถือตราสารหนี้นั้นๆ ถ้าถือไปเรื่อยๆ ไม่มีการขายออกมาระหว่างทาง ก็จะได้ผลตอบแทนตามอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ที่หน้าตั๋วไปเรื่อยๆ แต่คนที่ถือตราสารหนี้ก็ไม่ได้จำเป็นต้องถือจนครบกำหนดอายุของตราสารก็ได้ สามารถนำมาซื้อขายแลกเปลี่ยนมือกันได้ในตลาดตราสารหนี้ ซึ่งเมื่อมีการซื้อขายก็จะส่งผลต่อราคาได้
ซึ่งการขายหรือการเข้ามาซื้อในตลาดตราสารหนี้นั้น ก็เป็นได้จากหลายปัจจัย เช่น ภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย และอื่นๆ ดังนั้นราคาของตราสารหนี้ก็จะเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้
ดังนั้นถ้า Bond Yield เพิ่มสูงขึ้น แสดงว่าราคาพันธบัตรนั้นต่ำลง ราคาจะต่ำลงได้ก็เมื่อมีคนเทขายกันออกมามาก เมื่้อราคาลดลง ก็ทำให้อัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากตราสารหนี้นั้นเพิ่มขึ้น
แล้วทำไมนักลงทุนถึงขายตราสารหนี้เดิมที่ถืออยู่ออกมาในช่วงนี้??
เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่า จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง ธนาคารกลางของสหรัฐ ก็คือ FED จากภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมามาก เมื่อขึ้นดอกเบี้ยขึ้นจะส่งผลให้ตราสารหนี้ชุดใหม่ที่จะออกมาให้ดอกเบี้ยสูงกว่าตราสารหนี้ชุดที่ออกมาก่อนหน้าที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย จึงมีการขายตราสารหนี้ชุดเดิมออกมา เมื่อมีคนขายกันมาก ราคาก็ถูกลง ส่งผลให้ Bond yield สูง
แล้ว Bond yield ที่สูงขึ้นส่งผลต่อตลาดหุ้นยังไง??
– Bond Yield ที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า แนวโน้มดอกเบี้ยจะเป็นช่วงขาขึ้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย บริษัทจึงมีภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อกำไรของกิจการ และบริษัทอาจชะลอการกู้เงินมาเพิ่มกำลังการผลิต หรือขยายกิจการเนื่องจากต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตในอนาคตของกิจการได้ ทำให้การลงทุนในหุ้นน่าสนใจน้อยลงได้
– และเมื่ออัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ไม่เสี่ยงอย่างตราสารหนี้มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น ก็อาจเป็นเหตุให้คนเริ่มหันไปสนใจการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้เพิ่มขึ้นแทนที่จะมาลงกับสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น จึงอาจทำให้ตลาดหุ้นมีความน่าสนใจน้อยลงได้ด้วย
————————————
มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง แบบเข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
คอร์สที่จัดทำสำหรับมือใหม่ลงทุนหุ้น ที่จะได้เรียนรู้ตั้งแต่การเลือกหุ้น
การอ่านงบการเงิน รวมไปถึงการประเมินมูลค่าหุ้น
เรียนจบ สามารถนำไปปรับใช้เพื่อเลือกหุ้นลงทุนได้ด้วยตนเอง
เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ ทวนกี่ครั้งก็ได้ ลงทะเบียนเรียนกันได้เลย
