เมื่อวันที่ 4 เมษษยน ได้มีการปรับเกณฑ์ใหม่ของการติด ติด Cash balance มารู้จักกันว่า การการติด cash balance คืออะไร และเกณฑ์ใหม่คืออะไร มาอ่านโพสนี้กัน…
สนใจรับชมแบบวีดีโอ สามารถกดรับชมได้จากลิงค์นี้นะคะ
เมื่อหุ้นไหนมีการติด cash balance จะมีการขึ้นเครื่องหมาย T (ย่อมาจาก Trading Alert) อยู่ต่อท้ายชื่อหุ้นนั้น ซึ่งการติด cash balance นี้เป็นการบอกว่า หลักทรัพย์นั้นเข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย โดยหุ้นที่ติด cash balance นั้นจะเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายสูงผิดปกติ ตลาดหลักทรัพย์ จึงมีการสั่งให้หุ้นตัวนั้น ใช้บัญชี cash balance หรือบัญชีเติมเงิน
โดยใครจะซื้อหุ้นนี้ต้องใส่เงินสดเต็มจำนวนไว้กับโบรกเกอร์ก่อน จึงจะซื้อหุ้นนี้ได้ และเมื่อสั่งซื้อหุ้น เงินจะถูกหักออกจากบัญชีทันที ดังนั้นก่อนส่งคำสั่งซื้อขายต้องมีเงินในบัญชีที่เพียงพอสำหรับจ่ายค่าซื้อหุ้นได้นั่นเอง ซึ่งถ้าปกติใครใช้บัญชีเงินสด หรือ cash account ซื้อขายหุ้นอยู่ ที่เงินจะตัดบัญชี 2 วันทำการจากที่ซื้อหุ้น เมื่อมีการคีย์คำสั่งซื้อหุ้นที่ติด cash balance จะมีแจ้งว่าไม่สามารถสั่งซื้อได้ ถ้าจะซื้อต้องโอนเงินเข้าบัญชีหุ้นให้พอสำหรับการสั่งซื้อ
การติด cash balance หุ้น เพื่อเป็นการเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขาย และเพื่อลดความเสี่ยงของนักลงทุน
เกณฑ์ที่บอกว่า มีการเคลื่อนไหวของการซื้อขายที่ผิดปกติ เช่น มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในรอบสัปดาห์มากผิดปกติ มีอัตราการหมุนเวียนการซื้อขาย(turn over ratio) ของหุ้นนั้นสูง และมีการพิจารณาเรื่องของ P/E (price to earning ratio) พิจารณาร่วมด้วย
ซึ่งในการติด cash balance นั้นจะมี 3 ระดับคือ T1, T2, T3

T1 (Trading Alert Level 1) :
เดิมต้องซื้อหุ้นนั้นด้วยบัญชีแคชบาลานซ์เท่านั้น โดยวางเงินสดไว้กับโบรกเกอร์เต็มจำนวนก่อนซื้อหุ้นนั้น
ตามเกณฑ์ใหม่ ต้องซื้อหุ้นนั้นด้วยบัญชีแคชบาลานซ์เท่านั้น โดยวางเงินสดไว้กับโบรกเกอร์เต็มจำนวนก่อนซื้อหุ้นนั้น และห้ามใช้หุ้นนั้นเป็นหลักประกันในการคำนวณวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ในทุกประเภทบัญชี
T2 (Trading Alert Level 2) :
เดิม ต้องซื้อหุ้นนั้นด้วยบัญชีแคชบาลานซ์เท่านั้น โดยวางเงินสดไว้กับโบรกเกอร์เต็มจำนวนก่อนซื้อหุ้นนั้น และห้ามใช้หุ้นนั้นเป็นหลักประกันในการคำนวณวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ในทุกประเภทบัญชี
เกณฑ์ใหม่ ต้องซื้อหุ้นนั้นด้วยบัญชีแคชบาลานซ์เท่านั้น โดยวางเงินสดไว้กับโบรกเกอร์เต็มจำนวนก่อนซื้อหุ้นนั้น และห้ามใช้หุ้นนั้นเป็นหลักประกันในการคำนวณวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ในทุกประเภทบัญชี และห้าม Net Settlement ห้ามหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหหุ้นเดียวกันในวันเดียวกัน
T3 (Trading Alert Level 3) : กรณีที่หลักทรัพย์เดิม เข้าเกณฑ์ Trading Alert List ซ้ำเป็นครั้งที่ 3
เดิม ต้องซื้อหุ้นนั้นด้วยบัญชีแคชบาลานซ์เท่านั้น โดยวางเงินสดไว้กับโบรกเกอร์เต็มจำนวนก่อนซื้อหุ้นนั้น และห้ามใช้หุ้นนั้นเป็นหลักประกันในการคำนวณวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ในทุกประเภทบัญชี และห้าม Net Settlement ห้ามหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหหุ้นเดียวกันในวันเดียวกัน
เกณฑ์ใหม่ ต้องซื้อหุ้นนั้นด้วยบัญชีแคชบาลานซ์เท่านั้น โดยวางเงินสดไว้กับโบรกเกอร์เต็มจำนวนก่อนซื้อหุ้นนั้น และห้ามใช้หุ้นนั้นเป็นหลักประกันในการคำนวณวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ในทุกประเภทบัญชี และห้าม Net Settlement ห้ามหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหหุ้นเดียวกันในวันเดียวกัน และห้ามซื้อขายชั่วคราว 1 วันทำการในวันแรก
โดยเมื่อเข้าเกณฑ์ครั้งแรก จะได้เป็น level 1 และจะมีเครื่องหมาย T1 ท้ายชื่อหุ้นนั้น ๆ ถ้ายังเข้าเกณฑ์ครั้งที่ 2 และ 3 ก็จะขึ้นเป็น level 2 และ 3 ได้ โดยในแต่ละระดับจะมีระยะเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ โดยตลาดหลักทรัพย์สามารถพิจารณาขยายเวลาหรือยกระดับได้
ซึ่งเราสามารถเข้าไปหาข้อมูลได้ว่า หุ้นนั้นมีการขึ้นเครื่องหมายแจ้งเตือนอะไรบ้าง ตั้งแต่เมื่อไหร่ และจะถึงเมื่อไหร่ สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ของ set และเข้าไปตรงหุ้นที่เราสนใจ กดเลือก “สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน” และเลื่อนลงมาด้านล่างๆ ของหน้า จะมีข้อมูล “Market Alert(ล่าสุด)”
และถ้าต้องการดูว่า มีหุ้นไหนในตลาดที่ติด Cash balance บ้าง และติดระดับไหน ถึงเมื่อไหร่ จะสามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ของ set และเลือก “ข้อมูลบริษัท/หลักทรัพย์” >> “ข่าวบริษัท/หลักทรัพย์” >> “หลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย”
การติด cash balance หรือเครื่องหมาย T นี้เป็นเครื่องหมายที่คอยเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายหุ้นเหล่านี้ เพราะมีการเคลื่อนไหวในการซื้อขายที่ผิดปกติ และต้องใช้บัญชีเติมเงินเท่านั้น จะไม่สามารถใช้บัญชีวงเงิน(ซื้อก่อน อีก 2 วันค่อยจ่ายเงิน) ในการซื้อขายหุ้นเหล่านี้ได้ ดังนั้นเมื่อมีสัญญาณเตือน นักลงทุนก็ควรระมัดระวังในการลงทุนหุ้นนั้น
————————————
มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
คอร์สที่จัดทำสำหรับมือใหม่ลงทุนหุ้น ที่จะได้เรียนรู้ตั้งแต่การเลือกหุ้น การอ่านงบการเงิน รวมไปถึงการประเมินมูลค่าหุ้น
เรียนจบสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อเลือกหุ้นลงทุนได้ด้วยตนเอง
เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ ทวนกี่ครั้งก็ได้
ลงทะเบียนเรียนกันได้เลย
