ทำไม Silicon Valley Bank ขายตราสารหนี้ ขาดทุน

ทำไม Silicon Valley Bank ขายตราสารหนี้ขาดทุนไป 1.8 พันล้านเหรียญ เมื่อดอกเบี้ยขึ้นแรง ทำไมเป็นแบบนั้น มาอ่านกัน

สนใจรับชมแบบวีดีโอ กดรับชมได้จากลิงค์นี้นะคะ

การลงทุนในตราสารหนี้ หลายคนมักเลือกเป็นหนึ่งในการลงทุน เนื่องจากมีผลตอบแทนจากดอกเบี้ยรับที่ค่อนข้างแน่นอน ความผันผวนต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะถ้าจำเป้นต้องขายออกมาก่อนครบกำหนดในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น และต้องถือว่าเป็นการขึ้นดอกเบี้ยที่ค่อนข้างมากโดยเฉพาะในอเมริกา

Silicon Valley Bank เป็นธนาคารดังย่าน Silicon Valley ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นธนาคารของ venture capital และ startup นะ

มารู้จักตราสารหนี้กันก่อน

มูลค่าที่ตราไว้ หรือ Par value อันนี้คือมูลค่าหน้าตั๋ว ที่เราจะได้รับเงินคืนเมื่อถือจนครบกำหนดอายุ

วันครบกำหนดอายุ (Maturity date) เป็นวันหมดอายุหรือวันครบกำหนดไถ่ถอนของตราสารหนี้นั้น ซึ่งผู้กู้จะจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยงวดสุดท้ายให้กับผู้ถือตราสารหนี้นั้นๆ

อัตราดอกเบี้ย (Coupon rate) เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ออกหุ้นกู้นั้นจ่ายให้กับผู้ถือตราสารหนี้นั้นๆ ถ้าเราถือตราสารหนี้นั้น ก็จะได้ดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ ตาม coupon rate

ส่วน Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน คิดจาก ผลตอบแทนที่ได้รับ หารด้วย  เงินลงทุนที่เราลงทุนไปหรือราคาที่ซื้อมา ดังนั้น yield จะสูงคือ ได้ผลตอบแทนแทนออกมามาก หรือซื้อมาถูก(ใช้เงินลงทุนน้อย)

จะเห็นว่า มูลค่าหรือราคาของตราสารหนี้ แปรผกผันกับ อัตราผลตอบแทน (yield)

และราคาของตราสารหนี้จะลดลงเมื่อดอกเบี้ยในตลาดปรับเพิ่มขึ้น อธิบายอย่างง่ายคือ ถ้าตราสารหนี้เดิมที่เราถืออยู่ ได้ดอกเบี้ย 3% แต่ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยในตลาด อยู่ที่ 6% ถ้าเราต้องขายตราสารหนี้เดิมออกมา เราก็ต้องขายถูกกว่าราคาหน้าตั๋ว เพื่อจะปรับให้คนที่มาซื้อของเรา ได้ yield หรือผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดอกเบี้ยในตลาด

ส่วนการคิดมูลค่าตราสารหนี้แบบละเอียดว่า ทำไมถึงเป็นแบบบที่เล่าข้างต้น อ่านเพิ่มเติมได้จากโพสนี้นะ https://doctorwanttime.com/2023/02/28/การคำนวณราคาตราสารหนี้/

ในประเทศสหรัฐ ผู้ที่กำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยก็คือธนาคารกลางหรือ FED ผ่านคณะกรรมการ FOMC ซึ่งจะออกมาเป็น Fed fund rate ซึ่งเป็นดอกเบี้ยการกู้ยืมข้ามคืนระหว่างธนาคาร เป็นเหมือนอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำของสหรัฐ ซึ่งจากดอกเบี้ยแทบจะ 0% เมื่อ กุมภาพันธ์ 65 ขึ้นมาเป็น 4.5% เมื่อกุมภาพันธ์ 66 ภายใน 1 ปี

ตราสารหนี้มักเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่งที่ธนาคารไปลงทุนไว้ ซึ่งถ้าธนาคารไม่ได้ขายออกมา ก็จะได้รับดอกเบี้ยตาม coupon rate ที่กำหนดไว้ และได้รับเงินคืนตาม Par value หรือราคาหน้าตั๋ว แต่ในระหว่างทางที่มูลค่าตราสารหนี้ลดลง ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นแบบนี้ ก็จะลงเป็น unrealized loss แต่ถ้าถือไปจนครบกำหนดอายุของตราสาร มูลค่าก็จะกลับไปที่ราคา par การขาดทุนนี้ก็หายไป

แต่ถ้าธนาคารเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง และต้องขายสินทรัพย์เพื่อให้ได้เงินสดมา ก็จะทำให้ขาดทุนทันที และนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Silicon Valley Bank

ถ้าเราลงทุนตราสารหนี้โดยตรงด้วยตนเอง ก็จะเป็นลักษณะเดียวกัน คือถ้าเราถือตราสารไปจนครบกำหนดอายุ เราก็จะได้ดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ และได้เงินต้นคืนตามที่กำหนดไว้หน้าตั๋ว แต่ถ้าเราขาดเงินสด และต้องการใช้เงิน ก็จำเป็นต้องขายตราสารหนี้เดิมออกมาแบบขาดทุนเพื่อให้คนที่ซื้อเราไป ได้ผลตอบแทนระดับเดียวกับดอกเบี้ยในตลาด ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นแบบนี้

ถ้าเราลงทุนผ่านกองทุนรวม มูลค่าตราสารหนี้จะถูก Book มูลค่าตราสารหนี้ ตามราคาตลาด ที่เรียกว่า Mark to market ดังนั้น NAV จะลดลงได้ ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นถึงแม้กองจะยังไม่ได้ขายออกมา

การลงทุนใตราสารหนี้เป็นการลงทุนที่มีความผันผวนเกิดขึ้นได้ ถ้าเราลงทุนตราสารหนี้โดยตรงเอง ต้องเข้าใจถึงปัจจัยเหล่าหนี้และวางแผนการใช้เงินเพื่อจะสามารถถือได้จนครบกำหนดอายุของตราสารหนี้

————————————

มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง

คอร์สที่จัดทำสำหรับมือใหม่ลงทุนหุ้น

ที่จะได้เรียนรู้ตั้งแต่การเลือกหุ้น การอ่านงบการเงิน รวมไปถึงการประเมินมูลค่าหุ้น

เรียนจบสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อเลือกหุ้นลงทุนได้ด้วยตนเอง

เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ ทวนกี่ครั้งก็ได้ ลงทะเบียนเรียนกันได้เลย

Advertisement

Published by DoctorWantTime

แพทย์ผู้ชื่นชอบการลงทุน

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

%d bloggers like this: