งบการเงินของธนาคารที่ออกกันมา และคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ สามารถเข้าไปหาอ่านได้ในเว็บไซต์ของ set ในหัวข้อ “ข่าว” ตรงหุ้นที่เราสนใจ
กำไรสุทธิ ถ้ามีการเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จะเรียกเป็นการเทียบ year on year ซึ่งปกติมักจะดูการเทียบแบบนี้ ส่วนถ้าเป็นการเทียบไตรมาสนี้กับไตรมาสก่อนหน้าจะเรียก Quarter on quarter นะ จะเห็นว่าธนาคารที่ทำกำไรได้เพิ่มขึ้นโดดเด่น ก็จะเป็น BBL, KTB, TTB
NPL คือ non-performing loans ก็คือ “เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ” หรือก็คือหนี้เสีย
มาตรฐานทางบัญชี TFRS9 มีการจัดชั้นหนี้เป็น 3 ระดับ
ระดับแรก เงินให้สินเชื่อที่ไม่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิต (performing) คือ ลูกหนี้ที่ไม่ได้ผิดชำระหนี้ ชำระหนี้ตามปกติ
ระดับ 2 เงินให้สินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิต (under-performing) คือ ลูกหนี้ค้างชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นเกินกว่า 30 วัน
และระดับ 3 เงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (non-performing; NPL) สินเชื่อที่ผิดชำระหนี้หนี้เกิน 3 เดือนติดต่อกัน ลูกหนี้ถึงแก่ความตาย/ สาญสูญ เลิกกิจการ
เวลาที่เราดูหุ้นกลุ่มธนาคารก็ควรมองเรื่องของ NPL ด้วย ว่า NPL เท่าไหร่ และ % NPLs ต่อสินเชื่อรวม ซึ่งคิดจาก NPL มาเทียบกับเงินให้สินเชื่อโดยรวม ออกมาเป็น % นะ

NPL Coverage Ratio คือ เงินสํารองหนี้สูญต่อหนี้ที่ทำให้ไม่เกิดรายได้ คํานวณจาก การเอาค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญหารด้วยเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ
ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin หรือ NIM) คิดมาจากแบบนี้
(รายได้ดอกเบี้ยรับ – ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย) / สินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เฉลี่ย
ธนาคารมีดอกเบี้ยรับ และดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ที่มากกว่าแค่ เรื่องของสินเชื่อ และเงินฝาก เพราะธนาคารมีดอกเบี้ยรับการลงทุนในตราสารหนี้ ดอกเบี้ยจ่ายจากการออกตราสารหนี้ มีดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายจากการกู้ยืมกันเองระหว่างธนาคารด้วย
NIM จะบอกถึงความสามารถในการหารายได้ของธนาคารจากส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายทั้งหมด จึงเป็นอัตราส่วนทางการเงินตัวหนึ่งที่ไว้ใช้วัดผลกำไรเบื้องต้นในการดูหุ้นกลุ่มธนาคาร
ROE (Return on Equity) หรือ อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น
คิดจาก กำไรสุทธิ/ ส่วนผู้ถือหุ้น
อัตราส่วนนี้เป็นอัตราส่วนที่สำคัญ เป็นการบอกว่า ท้ายที่สุดแล้ว ธนาคารนั้นๆ ทำผลตอบแทนกลับมาได้เท่าไหร่ จากเงินของผู้ถือหุ้นที่ได้ลงไป ค่านี้จึงยิ่งสูง ยิ่งดี
ROE มีผลต่อการประเมินมูลค่าหุ้นกลุ่มธนาคารด้วย การประเมินมูลค่าหุ้นกลุ่มธนาคารนั้นจะใช้ P/BV (price per book value) เนื่องจากทรัพย์สินของธนาคารส่วนใหญ่นั้นเป็นเงิน และเงินลงทุนต่างๆ ทรัพย์สินส่วนใหญ่จะใกล้เคียงกับมูลค่า และ ROE นั้นมีความสัมพันธ์กับ P/BV ยิ่ง ROE สูง การประเมินมูลค่าด้วย P/BV จะสูงขึ้น
ช่วงนี้เป็นช่วงที่งบการเงินไตรมาส 1/66 ทยอยออกกันมา ซึ่งปกติของหุ้นกลุ่มธนาคารก็จะออกมาก่อน ดังนั้นถ้าใครสนใจลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ ก็ลองอ่านงบการเงินที่ออกมากัน ส่วนถ้าไม่ได้สนใจหุ้นกลุ่มนี้เท่าไหร่ ก็แนะนำให้ลองอ่าน คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ เพื่อเข้าใจภาวะเศรษฐกิจนะ
……………………………………………….
มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
เรียนจบ สามารถนำไปปรบใช้เพื่อเลือกหุ้นลงทุนได้ด้วยตนเอง
เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ ทวนกี่ครั้งก็ได้
ลงทะเบียนเรียนกันได้เลย
