ทำไม ROE มักสูงกว่า ROA

ทำไม ROE มักสูงกว่า ROA และมีกรณีไหนไหมที่ ROE จะน้อยกว่า ROA??

ในการดำเนินธุรกิจ แหล่งเงินของกิจการ มาจาก 2 แหล่ง คือ เงินกู้ ก็คือหนี้สิน กับ เงินทุนของบริษัทเอง ซึ่งก็คือส่วนของผู้ถือหุ้นหรือส่วนของเจ้าของ รวมกันเป็นสินทรัพย์ที่จะนำไปประกอบธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนกลับมา

ลองคิดว่า เวลาเราซื้อคอนโดมาปล่อยเช่า ซื้อมา 2 ล้าน ใช้เงินตัวเอง 1 ลบ. กู้มา 1 ลบ. เพื่อซื้อคอนโดมาปล่อยให้เกิดรายได้ และกำไรเข้ามา

ในงบดูล สินทรัพย์รวม = หนี้สินรวม + ส่วนผู้ถือหุ้น

ROE(Return on Equity) คิดมาจาก

กำไรสุทธิ หารด้วย ส่วนของผู้ถือหุ้น

ROE = กำไรสุทธิ / ส่วนของผู้ถือหุ้น แล้วทำให้เป็น %

ค่านี้จึงเป็นอัตราส่วนที่สำคัญในการวัดความสามารถในการทำกำไรว่า ท้ายที่สุดแล้วบริษัทสามารถทำกำไรจากส่วนของทุนได้เท่าไหร่ โดยใช้กำไรสุทธิ ที่หักค่าใช้จ่ายทั้งต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร ดอกเบี้ย และภาษีแล้ว ถ้าค่านี้ยิ่งสูงแสดงว่าบริษัทสามารถบริหารเงินทุนได้ดี

การคิด ROA(Return on Asset) จะคิดจากอัตราส่วน กำไร/ สินทรัพย์ และคูณ 100 เพื่อทำให้เป็น % บอกความสามารถในการนำสินทรัพย์ไปก่อให้เกิดผลตอบแทนได้มากน้อยแค่ไหน

ซึ่งเราจะเห็นว่า ตัวหารของ ROA นั้น ใช้สินทรัพย์ทั้งหมดทั้งเงินกู้และทุน ทำให้ตัวหารของ ROA ใหญ่กว่า จึงมักทำให้ ROA น้อยว่า ROE และยิ่งถ้าบริษัทใช้ส่วนของหนี้มาดำเนินธุรกิจ ขยายกิจการมาก ที่เรียกว่า ใช้หนี้มา leverage ก็จะทำอัตราส่วน ROA ต่างจาก ROE มากขึ้นได้

เช่น การใช้เงินคนอื่น (เงินกู้) มาซื้อคอนโดปล่อยเช่า จะทำให้เราสามารถซื้อคอนโดได้มากขึ้น กว่า ใช้เงินลงทุนของตัวเองอย่างเดียว ซึ่งก็ดูเหมือนจะดี แต่หนี้สินก็มีต้นทุน คือ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ที่เรียกว่า ต้นทุนทางการเงิน

และมีกรณีไหนไหมที่ ROE จะน้อยกว่า ROA??

ถ้ามาดูให้ละเอียดขึ้น การคิด ROA ในเว็บไซต์ของ set จะใช้ กำไร ที่เป็น EBIT มาเป็นตัวตั้ง แล้วหารด้วย สินทรัพย์รวม

EBIT คือ กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี เพื่อดูว่า สินทรัพย์ที่บริษัทลงทุนไป มีผลตอบแทนกลบมาเท่าไหร่ ก่อนที่จะแบ่งให้แหล่งที่มาของเงินอย่างดอกเบี้ยจ่าย

ส่วน ROE จะใช้กำไรสุทธิ ที่ค่าใช้จ่ายทุกอย่างรวมดอกเบี้ยและภาษีแล้ว

บางบริษัทที่ ROE น้อยกว่า ROA จะเป็นลักษณะที่ สินทรัพย์ของบริษัทที่ใช้เงินตัวเองและแหล่งเงินที่กู้ยืมมานั้น สร้างผลตอบแทนได้ไม่มาก เมื่อมาถูกหักเรื่องของดอกเบี้ยซึ่งเป็นต้นทุนของการกู้ยืม แล้วทำให้กำไรสุทธิออกมาน้อย คือทำเงินเข้ามาไม่ค่อยพอเลี้ยงตัว นำไปจ่ายหนี้หมด

เช่น ซื้อคอนโดปล่อยเช่า 3 ห้อง โดยใช้เงินกู้เป็นหลัก แต่รายได้ได้น้อยกว่าที่คิด บางห้องปล่อยเช่าได้ราคาต่ำ หรือมีช่วงห้องปล่อยเช่าไม่ได้ แต่ดอกเบี้ยธนาคารก็ยังต้องจ่ายต่อไป

โดยทั่วไป ROE มักสูงกว่า ROA แต่ถ้าดอกเบี้ยจ่ายมาก และรายได้ไม่เข้ามา ทำเงินแล้วต้องไปจ่าหยี้หมด แบบนี้ก็อาจทำให้ ROA น้อยกว่า ROE ได้นะ

……………………………………………….

มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง

คอร์สที่จัดทำสำหรับมือใหม่ลงทุนหุ้น ที่จะได้เรียนรู้ตั้งแต่การเลือกหุ้น การอ่านงบการเงิน รวมไปถึงการประเมินมูลค่าหุ้น

เรียนจบสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อเลือกหุ้นลงทุนได้ด้วยตนเอง เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ ทวนกี่ครั้งก็ได้

ลงทะเบียนเรียนกันได้เลยhttps://www.skilllane.com/courses/i-investor

เผยแพร่โดย DoctorWantTime

แพทย์ผู้ชื่นชอบการลงทุน

ใส่ความเห็น