อัตราส่วนสภาพคล่อง ต้อง > 1 เท่า ถึงดี เสมอไปไหม

อัตราส่วนสภาพคล่อง (current ratio) > 1 เท่า  บอกว่า บริษัทสามารถที่จะใช้คืนหนี้ระยะสั้นได้ ไม่มีปัญหา ถ้า < 1 เท่า แสดงว่า แย่ ขาดสภาพคล่องเสมอไปไหม

อัตราส่วนสภาพคล่อง ((Current ratio) จะคิดจาก สินทรัพย์หมุนเวียน หารด้วย หนี้สินหมุนเวียน

สินทรัพย์หมุนเวียน คือ สินทรัพย์ที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ภายใน 1 ปี เช่น เงินสด เงินลงทุนระยะสั้น ลูกนี้การค้า สินค้าคงเหลือ

ส่วนหนี้สินหมุนเวียนคือ หนี้สินที่ครบกำหนดจ่ายภายใน 1 ปี เช่น เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน เจ้าหนี้การค้า หนี้สินระยะยาวส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี

จึงบอกได้ว่า บริษัท มีสินทรัพย์ที่จะแปลงเป็นเงิน เพื่อจ่ายหนี้ระยะสั้นได้ ไม่มีปัญหา จึงต้องมากกว่า 1 เท่า ถึงจะดี

แต่อาจไม่ได้จำเป็นเสมอไป มีบริษัทขนาดใหญ่ที่หลายคนรู้จัก อัตราส่วนนี้น้อยกว่า 1  ก็อยู่มาได้ตลอด

บริษัท CPALL ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีก มีอัตราส่วนสภาพคล่องประมาณ 0.6- 0.7 เท่า ซึ่งข้อสังเกตที่ทำให้ CPALL มี อัตราส่วนนี้น้อย ส่วนหนึ่งเป็นจาก ลูกหนี้การค้า ที่อยู่ใน สินทรัพย์หมุนเวียน น้อย เพราะบริษัทเก็บเงินจากลูกค้าได้เร็ว ลองคิดเวลาเราเข้าไปซื้อของที่ 7-11

ลูกหนี้การค้าของ CPALL มียอดขาย 215,895.12 ลบ. มีลูกหนี้การค้า 18,454.11 ลบ. (งบ Q1/66)

และมีเจ้าหนี้การค้าที่อยู่ในหนี้สินหมุนเวียนมาก หนี้สินหมุนเวียน 212,082.88 ลบ. เป็นเจ้าหนี้การค้า 130,507.44 ลบ. (งบ Q1/66) เจ้าหนี้การค้า คือ บริษัทไปเอาของเขามาวางขายก่อน ค่อยจ่ายเงินทีหลัง

ดังนั้นการดูอัตราส่วนทางการเงิน อาจเข้าใจเบื้องต้นก่อนก็ได้ว่า แบบไหนดี แบบไหนไม่น่าจะดี แต่ยังไงก็ควรพิจารณาลักษณะธุรกิจ ดูเทียบกับธุรกิจประเภทเดียวกัน และการดูอัตราส่วนทางการเงินควรดูหลายอย่างประกอบในการแปลความ

.

มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง
เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
ได้เรียนรู้ตั้งแต่การเลือกหุ้น
การอ่านงบการเงิน รวมไปถึงการประเมินมูลค่าหุ้น
เรียนจบสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อเลือกหุ้นลงทุนได้ด้วยตนเอง
https://www.skilllane.com/courses/i-investor

เผยแพร่โดย DoctorWantTime

แพทย์ผู้ชื่นชอบการลงทุน

ใส่ความเห็น