ดอกเบี้ยบัตรคิดยังไง เมื่อจ่ายช้า หรือจ่ายแค่ขั้นต่ำ

การคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิต จะคิดอัตราดอกเบี้ย 16% และคิดจากวันที่รูด ไม่ใช่คิดจากวันที่ครบกำหนดจ่ายนะ

ลองมาดูตัวอย่างกัน

เช่น บัตรเครดิต สรุปยอดทุกวันที่ 15 ของเดือน และวันครบกำหนดชำระเงิน ทุกวันที่ 4 ของเดือนถัดไป อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต 16% ต่อปี

รูดซื้อของ 10,000 บ. วันที่ 16 มิถุนายน ปิดรอบ 15 กรกฎาคม และกำหนดจ่าย 4 สิงหาคม

จ่ายทั้งหมด แต่จ่ายช้ากว่าที่กำหนดไว้ เช่น อาจจะลืมจ่าย

จะถูกคิดดอกเบี้ยของยอดนั้น ตั้งแต่วันใช้บัตรจนถึงวันที่ชำระคืนครบหมด คิดแบบนี้

(ค่าใช้จ่ายในวันที่ใช้บัตร X อัตราดอกเบี้ยต่อปี X จำนวนวัน)/ จำนวนวันใน 1 ปี

จำนวนวันจะนับจากวันที่บันทึกรายการถึงวันก่อนวันชำระ 1 วัน

จากตัวอย่างข้างต้น วันที่ครบกำหนด 4 สิงหาคม ลืมจ่าย มาจ่ายวันที่ 10 สิงหาคม  จะถูกคิดดอกเบี้ย โดยนับจำนวนวันจากวันที่รูด 16 มิถุนายน ถึงวันที่ 9 สิงหาคม (55 วัน) นะ

ดอกเบี้ย = (10,000 X 16% X 55)/ 365 = 241.1 บ.

และนอกจานั้นยังอาจมีค่าทวงถาม 100 บ. และ VAT7% จากค่าทวงถามอีก 107 บ.

ดังนั้นจะเป็นยอดที่ต้องจ่าย 10,000 + 241.1 + 107 = 10,348.1 บ.

ถ้ามียอดที่รูด คนละวัน ก็จะคิดแยกคำนวณค่าดอกเบี้ยและนำมารวมกันนะ

บัตรเครดิตคิดดอกเบี้ยยังไง เมื่อจ่ายแค่ขั้นต่ำ แต่ตรงเวลา

บัตรเครดิตปัจจุบัน จะคำนวณยอดขั้นต่ำที่ต้องจ่าย เป็น 5% ของยอดทั้งหมด (เป็นมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ตั้งแต่ช่วงโควิด จนถึงปี 66 นี้ ถ้าสิ้นสุดช่วงมาตรการนี้ ขั้นต่ำจะปรับเป็น 8% และ 10% ในระยะต่อมา)

ตัวอย่าง บัตรเครดิต สรุปยอดทุกวันที่ 15 ของเดือน และวันครบกำหนดชำระเงิน ทุกวันที่ 4 ของเดือนถัดไป อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต 16% ต่อปี

รูดซื้อของ 10,000 บ. วันที่ 16 มิถุนายน ปิดรอบ 15 กรกฎาคม และกำหนดจ่าย 4 สิงหาคม

จ่ายขั้นต่ำ คือ 500 บ. พอครบกำหนดจ่าย เราจ่ายขั้นต่ำ 500 บ. ตรงเวลาที่กำหนด คือ 4 สิงหาคม

การนับวันมาคิดดอกเบี้ย จะแยกเป็น 2 ส่วน และค่อยนำมารวมกัน

ส่วนแรก ดอกเบี้ยเงินต้น ของวันที่บันทึกรายการถึงวันก่อนวันจ่ายเงิน 1 วัน

ส่วนที่ 2 ดอกเบี้ยของยอดค้างชำระ ของวันที่จ่ายขั้นต่ำจนถึงวันสรุปยอดบัญชีถัดไป

ดอกเบี้ยจะคิดแบบนี้

(ค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ X อัตราดอกเบี้ยต่อปี X จำนวนวัน)/ จำนวนวันใน 1 ปี

จำนวนวัน นับจากวันที่บันทึกรายการถึงวันก่อนวันชำระ 1 วัน ก็จะนับจาก 16 มิถุนายน ถึง 3 สิงหาคม (49 วัน)

= (10,000 X 16% X 49)/ 365 = 214.79 บ.

และส่วนที่ 2 หลังจากที่เราจ่ายจนถึงวันสรุปยอดบัญชีถัดไป คือ 4 สิงหาคม ถึง 15 สิงหาคม (12 วัน) ซึ่งเมื่อเราจ่ายไป 500 ก็เหลือค้างจ่ายอีก 9,500 บ.

= (9,500 x 16% x 12) / 365 = 49.97 บ.

ยอด 10,000 บ. ที่รูดไปเมื่อ 16 มิถุนา และเราจ่ายแค่ขั้นต่ำ 500 บ. เมื่อครบกำหนดจ่ายวันที่ 4 สิงหาคม จะเป็นยอดแสดงเงินที่เราต้องจ่าย เมื่อถึงวันครบกำหนดจ่ายในรอบบัญชีถัดไป คือ วันที่ 4 กันยายน = 9,500 + 214.79 + 49.97 บ. = 9,764.76 บ.

ถ้าเราจ่ายมากกว่าขั้นต่ำ แต่ไม่ครบ ยังมียอดคงเหลือ ลักษณะการคิดดอกเบี้ยก็แยกเป็น 2 ส่วน ลักษณะนี้เช่นกัน

การใช้บัตรเครดิต ทำให้สะดวก เพิ่มสภาพคล่อง และมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย ตั้งแต่วันแรกที่ใช้จ่ายจนถึงวันที่ครบกำหนดชำระเงิน ซึ่งถ้าเราจ่ายครบ ไม่เกินกำหนด เราจะได้ประโยชน์จากระยะปลอดดอกเบี้ยตรงนี้ แต่ถ้าไม่สามารถจ่ายได้ จะมีอัตราดอกเบี้ย 16% ต่อปี ดอกเบี้ยคิดทุกวันตั้งแต่วันที่รูด และเป็นการคิดแบบลดต้น ลดดอก

…………………………………………………………..

มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง
เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
ได้เรียนรู้ตั้งแต่การเลือกหุ้น
การอ่านงบการเงิน รวมไปถึงการประเมินมูลค่าหุ้น
เรียนจบสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อเลือกหุ้นลงทุนได้ด้วยตนเอง
https://www.skilllane.com/courses/i-investor

เผยแพร่โดย DoctorWantTime

แพทย์ผู้ชื่นชอบการลงทุน

ใส่ความเห็น