การคิดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธนาคารจะมีการคิดอยู่ 3 วิธี คือ
แบบที่ 1 Nominal spread คือ คิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก การคิดก็ง่ายๆ เลยคือ
Nominal spread = อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ – อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร MLR อยู่ที่ 7% และดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ อยู่ที่ 0.5%
Nominal spread = อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ – อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก= 7 – 0.5 = 6.5%
ซึ่งในการคิดลักษณะนี้จะบอกได้แค่ว่า มีความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อ และเงินฝากแบบใดแบบหนึ่งที่เจาะจงเท่านั้น เพราะว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารปล่อยให้ลูกค้าก็มีตั้งหลายเรท และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากก็มีทั้งแบบออมทรัพย์ แบบฝากประจำรายเดือน รายปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากก็ต่างกันไป จึงต้องมีการคิดส่วนต่างที่มีรายละเอียดเพิ่มขึ้น คือ วิธีที่ 2
แบบที่ 2 Effective spread คือ คิดจากส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรับเฉลี่ย และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจ่ายเฉลี่ย
เช่น อัตราดอกเบี้ยรับเฉลี่ย อยู่ที่ 6% และอัตราดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 2% ดังนั้น Effective spread ก็จะได้ 4%
จะเห็นว่า การคิดแบบนี้ก็เริ่มละเอียดขึ้นแบบการคิดเพียง nominal spread ธรรมดา ซึ่งค่า effective spread จะบอกได้ถึงภาพรวมของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากได้ดีกว่าแบบแรก
แต่ก็ยังไม่ครอบคลุม อัตราดอกเบี้ยของธนาคารอยู่ดี เพราะธนาคารมีดอกเบี้ยรับ และดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย มากกว่าแค่ เรื่องของสินเชื่อ และเงินฝาก เพราะธนาคารมีดอกเบี้ยรับการลงทุนในตราสารหนี้ ดอกเบี้ยจ่ายจากการออกตราสารหนี้ มีดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายจากการกู้ยืมกันเองระหว่างธนาคารด้วย ดังนั้นการคิดส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยแบบ effective spread จึงยังไม่ครอบคลุมในส่วนตรงนี้ จึงมีการคิดเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้ครอบคลุมมากขึ้น คือ วิธีที่ 3
แบบที่ 3 Net Interest Margin (NIM) หรือส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ คิดมาจาก
(รายได้ดอกเบี้ยรับ – ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย) / สินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เฉลี่ย
รายได้ดอกเบี้ยรับ คือ รายได้จากเงินให้สินเชื่อ การกู้ยืมระหว่างธนาคาร จากการลงทุนในตราสารหนี้
ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย คือ รายจ่ายจากเงินรับฝาก เงินกู้ยืมสถาบัน การออกตราสารหนี้ เงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
สินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เฉลี่ย เช่น เงินให้สินเชื่อ เงินลงทุน รายการระหว่างธนาคาร
ซึ่ง NIM เฉลี่ย 9 เดือนแรกของปี 66 องระบบธนาคารพาณิชย์เฉลี่ยอยู่ที่ 2.95% (ข้อมูลจากการชี้แจ้งของธนาคารแห่งประเทศไทย)
การคิดแบบ NIM นั้นจะบอกถึงความสามารถในการหารายได้ของธนาคารจากส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายทั้งหมด จึงเป็นอัตราส่วนทางการเงินตัวหนึ่งที่ไว้ใช้วัดผลกำไร “เบื้องต้น” ในการดูหุ้นกลุ่มธนาคาร
ในการดูผลประกอบการของธนาคาร นอกจากดู NIM ยังควรดูเรื่องการเติบโตของสินเชื่อ คุณภาพของสินเชื่อ หนี้เสีย(NPL) ต่างๆ ประกอบด้วย
มีการอ่านงบการเงิน และข้อมูลหุ้นจริง ที่เรียบเรียง รวมรวบ เพิ่มเติมรายละเอียดกว่าสิบบริษัท ใน eBook “ส่องหุ้นด้วยงบการเงิน” เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย นำไปปรับใช้ได้จริง!! ซื้อได้ทั้งจาก MEB และ OOKBEE สามารถลดหย่อน Easy e-receipt ได้ ถ้าซื้อช่วง 1 ม.ค. – ก.พ. 67 นะคะ
หรือ OOKBEE
http://www.ookbee.com/Shop/Book/6d8e08bd-9913-4250-98be-4c9b7de73a44


ความคิดหนึ่งเกี่ยวกับ “Spread และ NIM ของธนาคารคืออะไร??”