จิตวิทยาการลงทุน รู้เท่าทันตนเองในการลงทุน

จิตวิทยาการลงทุน (The Psychology of Investing) ผู้เขียน John R. Nofsinger ผู้แปล พิริยะ พาณิชย์ชะวงศ์ เป็นหนังสือที่เล่าถึงเรื่องนี้ได้ดี จึงได้นำเนื้อหาบางส่วนมาจากหนังสือเล่มนี้ และจิตวิทยาการลงทุนที่นักลงทุนมักพลาดมาเล่าให้ฟัง

1. Overconfidence มั่นใจมากเกินไป

ถ้าการลงทุนออกมาดี คนเรามักคิดว่ามันเกิดจากความสามารถของตนเอง แต่ถ้าผลการลงทุนออกมาแย่ ก็มักโทษอย่างอื่น ยิ่งสำเร็จบ่อยครั้งขึ้น ยิ่งมองว่ามาจากความสามารถของตัวเองมากขึ้น ทั้งที่เกิดจากองค์ประกอบอื่นด้วย

ความมั่นใจที่มากเกินไป ทำให้ประเมินความรู้ตนเองสูงเกินไป ประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป และคิดว่าตนเองควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เกินความเป็นจริง ทำให้กล้าเสี่ยงมากขึ้น และกระจายความเสี่ยงน้อยเกินไป

เช่น ในช่วงตลาดขาขึ้น นักลงทุนสามารถทำกำไรจากตลาดได้ง่าย เมื่อยิ่งทำกำไรได้ ก็จะกล้าเสี่ยงมากขึ้นเพราะคิดว่าตนเองเจ๋ง ซึ่งอาจไม่ได้เป็นแบบนั้น

2. Disposition effect ผลกระทบที่เอนเอียง

คนเราจะรู้สึกภูมิใจ ยินดีที่ได้กำไร และเจ็บปวดเมื่อขาดทุน ทำให้จะทำหรือไม่ทำอะไร เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความผิดหวังและมองหาความภูมิใจ ซึ่งทำให้ขายหุ้นที่มีกำไรเร็วเกินไป และถือหุ้นที่ขาดทุนไว้นานเกินไป

“ไม่ขาย ไม่ขาดทุน” เรากำลังหลีกเลี่ยงความรู้สึกผิด และเจ็บปวดในการต้องรับรู้ถึงความผิดพลาดในการลงทุน หรือบางคนพอเห็นหุ้นขึ้นมา พอมีกำไร ก็ขายออกมาเพื่อจะได้รับรู้ถึงความภูมิใจในการตัดสินใจในการลงทุนครั้งนี้ว่าถูกต้อง

ดังนั้นควรมีการวางแผนที่ชัดเจนว่าหุ้นที่ซื้อมาซื้อเพราะอะไร จะขายเมื่อไหร่ มีวินัยในการทำตามแผน

3. Mental accounting บัญชีในใจ

คล้ายตู้เอกสารที่แต่ละอย่างถูกจัดไว้ในแฟ้มที่แยกออกจากกัน จัดการการลงทุน และมองการลงทุนแต่ละอย่างแยกออกจากกัน มองข้ามปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ส่งผลต่อการสร้างพอร์ตลงทุนได้

การตัดสินใจซื้อหุ้นตัวใหม่เข้ามา จะเป็นการเปิดบัญชีใหม่ขึ้นมาในสมองและไม่ได้พิจารณาถึงความสัมพันธ์ของการลงทุนที่มีก่อน เช่น การซื้อหุ้นที่มีลักษณะธุรกิจเดียวกันหมดในพอร์ตการลงทุน ทำให้พอร์ตมีความเสี่ยงได้มาก ถ้าธุรกิจนี้มีปัญหา ดังนั้นควรมองปฏิสัมพันธ์ระหว่างการลงทุนใหม่กับพอร์ตโดยรวมที่มีอยู่แล้วด้วย

4. House money effect เงินของเจ้ามือ

ถ้าให้พนันทอยเหรียญ ชนะได้ 500 บาท แพ้เสีย 500 บาท จะเดิมพันไหม? เราอาจลังเล แต่ถ้าก่อนหน้านี้เราเพิ่งชนะพนันมา 3,000 บาท จะเดิมพันไหม? คำตอบอาจเปลี่ยนไป

นักลงทุนที่ทำกำไรได้ จะกล้าเสี่ยงมากขึ้น นอกจากความมั่นใจมากขึ้น ยังมีอคตินี้เข้ามาด้วย เพราะรู้สึกเหมือนกับว่านำเงินของคนอื่นมาลงทุน (เงินฟรี) เช่น ซื้อหุ้น 100,000 บ. ขายไปได้ 150,000 บ. เงิน 50,000 บ. ที่ได้เพิ่มมาอาจนำไปลงทุนหุ้นตัวที่เสียงมากขึ้นกว่าเดิม ที่ปกติไม่ลงทุนแบบนี้

เงินในพอร์ตการลงทุน ควรได้รับการดูแลเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นกำไรหรือเป็นส่วนของเงินต้น

5. Snake Bite Effect กลัวความเสี่ยง

เมื่อลงทุนแล้วออกมาเสียหายมาก ก็จะกลัวมัน เหมือนกับความกลัวที่จะถูกกัดจากงูอีก หลังจากที่เคยได้รับรู้ความเจ็บปวดจากครั้งก่อน ส่งผลให้กลายเป็นระมัดระวังมากเกินไป หรือหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่เคยทำพลาด เช่น นักลงทุนมือใหม่เมื่อเข้ามาในตลาดหุ้น แล้วขาดทุนอย่างหนัก ก็จะหวาดกลัวและไม่กลับเข้ามาลงทุนในตลาดอีก

6. Herding พฤติกรรมหมู่

การเรียนรู้เรื่องหุ้นจากคนอื่น ๆ ทำให้เกิดความเห็นของคนส่วนใหญ่ ตัดสินใจตามคนส่วนใหญ่ แทนที่จะวิเคราะห์อย่างละเอียดด้วยตนเอง ก่อให้เกิดความเสียหายในการลงทุนได้

เมื่อคนแห่เข้าซื้อหุ้นตัวเดียวกัน ทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปสูงมากเกินพื้นฐานที่ควรจะเป็นได้ หรือเมื่อฝูงชนแห่ขายหุ้น ก็ทำให้ราคาหุ้นนั้น ตกเกินพื้นฐานที่ควรจะเป็นได้ ซึ่งพฤติกรรมหมู่เป็นสิ่งที่ควรระวัง

7. Representativeness and Familiarity

สมองจะใช้ทางลัดเพื่อลดความซับซ้อนในการวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้เราตัดสินใจได้เร็วขึ้น แต่ก็อาจทำให้เราตัดสินใจโดยวิเคราะห์ข้อมูลไม่รอบด้าน เพราะสร้างคำตอบที่เป็นไปได้ก่อนที่มีการย่อยข้อมูลที่มีทั้งหมด

และคนเราชอบทำในสิ่งที่คุ้นเคย เวลาที่เราคุ้นเคยอยู่กับสิ่งใดแล้ว จะมีมุมมองที่บิดเบือนได้ นักลงทุนจะมองหาการลงทุนที่คุ้นเคย ทำให้มีการกระจายความเสี่ยงที่ต่ำไป

เช่น หุ้นบริษัทที่ทำผลกำไรได้ดีในอดีต เรามักจะสรุปว่าต่อไปก็จะดีด้วย โดยอาจลืมมองถึงความเสี่ยงหรือโอกาสที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตกับบริษัท หรือเราอยู่ประเทศไทย คุ้นเคยกับประเทศไทย ลงทุนแต่ในประเทศ และคิดว่าการลงทุนในต่างประเทศเสี่ยงมากกว่า โดยยังไม่ได้เข้าไปศึกษา

จะเห็นว่าจิตวิทยาการลงทุน มีผลต่อการตัดสินในการลงทุนได้ ควรรู้เท่าทันตนเองด้วยในการลงทุน

……………………………………………….

มีการอ่านงบการเงิน และข้อมูลหุ้นจริง ที่เรียบเรียง รวมรวบ เพิ่มเติมรายละเอียดอีกหลายเรื่อง ใน eBook “ส่องหุ้นด้วยงบการเงิน” สั่งซื้อกันได้จาก MEB และ OOKBEE

จาก Mebmarket
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzk5MzY0MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI1ODc3MCI7fQ

หรือจาก OOKBEE
http://www.ookbee.com/Shop/Book/6d8e08bd-9913-4250-98be-4c9b7de73a44

เผยแพร่โดย DoctorWantTime

แพทย์ผู้ชื่นชอบการลงทุน

ใส่ความเห็น