รายได้ของแพทย์ เป็นลักษณะรายได้แบบไหน จะ 40(1), (2) หรือ (6) บางท่านอาจสับสน มาอ่านกัน
ในการคิดภาษี จะนำ รายได้ หัก ค่าใช้จ่าย หักค่าลดหย่อน ออกมาเป็น “เงินได้สุทธิ” และนำเงินได้สุทธิไปเข้าตารางภาษี ซึ่งตารางอัตราภาษี จะเป็นขั้นบันได ยิ่งเงินได้สุทธิสูงขึ้น จะยิ่งเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น
ลักษณะของรายได้จะเป็นตัวกำหนดลักษณะของการหักค่าใช้จ่าย ซึ่งรายได้ที่เป็น 40(1) และ 40(2) ต้องนำมารวมกัน หักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บ. รายได้ 40(1) และ (2) เป็นลักษณะของรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายได้น้อย เพราะมีเพดานในการหักได้สูงสุด 100,000 บ. ต่อปี เท่านั้น เมื่อมาหักจากรายได้ได้น้อย จึงต้องเสียภาษีค่อนข้างสูง
แต่ถ้าเป็นรายได้ที่เป็นลักษณะ DF หรือ 40(6) จะหักค่าใช้จ่ายได้มาก หักค่าใช้จ่ายได้ 60% ของรายได้ ไม่มีเพดาน แพทย์จึงต้องการให้เป็นรายได้ลักษณะนี้ แต่ไม่ใช่ว่าจะสามารถกำหนดได้เอง พี่สรรพกรและกฏหมายมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่ารายได้แบบไหน ถือเป็นรายได้ลักษณะใด
รายได้ 40(1) จะเป็น เงินเดือน, เงิน พตส., P4P, เงินไม่ทำเวชส่วนตัว, เงินเวรที่ได้จากทางโรงพยาบาลที่ได้ตกลงจ้างตามสัญญาจ้าง

รายได้ 40(2) เงินที่ รพ. จ่ายให้แพทย์ จากการเข้าเวร ตรวจ OPD ที่โรงพยาบาลอื่นที่ไม่ใช่โรงพยาบาลที่ทำงานประจำอยู่ ค่าการันตีรายชั่วโมง
เงินได้จากวิชาชีพอิสระการประกอบโรคศิลป์ ค่าตอบแทนที่ได้รับไม่แน่นอน เช่น DF (doctor fee) , เปิดคลินิกเองที่ไม่มีผู้ป่วยค้างคืน
ถ้าแพทย์ไปรับ job รพ หรือ คลินิกอื่น อาจมีความสับสนว่า จะเป็น 40(2) หรือ 40(6) ซึ่งสรรพากร เขียนไว้ว่า
“ สำหรับค่าตอบแทนที่แพทย์ได้รับ ซึ่งจะถือเป็นเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 40(6) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องปรากฏว่าแพทย์ได้เปิดคลินิกรักษาคนไข้เป็นการส่วนตัว หรือแพทย์ทำสัญญาหรือ ตกลงกับสถานพยาบาลเพื่อขอใช้สถานที่ เครื่องมือและ อุปกรณ์เพื่อประกอบโรคศิลปะในนามของแพทย์ เพื่อตรวจและรักษาผู้ป่วยโดย แพทย์เป็นผู้เรียกเก็บค่าตรวจรักษาเองและมีข้อตกลงแบ่งเงินค่าตรวจรักษาที่ได้รับจากผู้ป่วยให้แก่สถานพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษร หรือแพทย์ทำสัญญาหรือตกลงกับ สถานพยาบาลเพื่อขอใช้สถานที่เครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อประกอบโรคศิลปะในนามของแพทย์เพื่อ ตรวจและรักษาผู้ป่วย และมี ข้อตกลงแบ่งเงินค่าตรวจรักษาที่ได้รับจากผู้ป่วย โดยสถานพยาบาลเป็นผู้เรียกเก็บค่าตรวจรักษาแทนแพทย์ แล้วนำมาจ่ายให้กับแพทย์เพื่อแบ่งรายได้ให้สถานพยาบาล เงินได้ที่แพทย์เรียกเก็บจากผู้ป่วยทั้งจำนวนเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร มิใช่เฉพาะส่วนแบ่งที่เหลือหลังจากหักส่วนแบ่งของสถานพยาบาลออก”
จะเห็นว่า ถ้าเป็น 40(6) แพทย์ต้องเป็นผู้ใช้สถานที่ และรับเงินจากผู้ป่วย แล้วค่อยแบ่งให้ รพ. ดังนั้นการคิดรายได้ จะเป็นแบบนี้ เช่น แพทย์คิด DF 200 บ. แบ่งให้ รพ. 20% = 40 บ. รายได้ที่ต้องนำมายื่นภาษีของแพทย์คือ 200 บ. ไม่ใช่ 160 บ. นะ (สงสัยให้อ่านข้อความของสรรพากรบรทัดท้ายๆ อีกทีนะ)
ถ้ามีการรันตีราย ชม และแพทย์คิด DF จะเป็น แบบนี้ เช่น แพทย์ได้การรันตี ชม. ละ 300 บ. และมีตรวจผู้ป่วย 1 คน ตรวจได้ DF 200 บ. ส่วน 200 บ. จะเป็น 40(6) ส่วนอีก 100 บ. ที่ รพ ต้องจ่ายเพิ่มให้แพทย์ เพื่อให้ครบการันตีราย ชม. จะเป็น 40(2)
แต่ถ้าตรวจ DF ได้ 400 บ. รายได้ 400 บ. จะเป็น 40(6) แต่ต้องมีเงื่อนไขเรื่องขอใช้สถานพยาบาลประกอบวิชาชีพเวชกรรมด้วยนะ
40(6) จะเป็นเงินที่คนไข้จ่ายให้แพทย์ ส่วน 40(2) เป็นเงินที่ รพ. จ่ายให้

เงินได้ประเภท 40(6) สถานพยาบาลไม่ได้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ส่วนเงินได้ประเภท 40(1) และ 40(2) สถานพยาบาลมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งสรรพากร
การบันทึกบัญชีในฝั่งของสถานพยาบาล สำหรับ 40(6) “การบันทึกบัญชี “ค่าแพทย์”
คนไข้จ่ายค่าแพทย์ 300 บ.
รพ. หักไว้ 20% = 60 บ. (เป็นรายได้ รพ.)
แพทย์ได้ 80% = 240 บ. (รพ. ต้องจ่ายคืน)
1. ตอนรับเงินจากคนไข้
Dr. เงินสด 300 บ.
Cr. รายได้ รพ. 60 บ.
Cr. เจ้าหนี้แพทย์ 240 บ.
2. ตอนจ่ายคืนแพทย์
Dr. เจ้าหนี้แพทย์ 240 บ.
Cr. เงินสด 240 บ.
สถานพยาบาล ไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย เพราะถือว่าเป็นการ “ส่งผ่านเงิน” ไม่ใช่จ่ายค่าจ้างโดยตรง”
ส่วนแพทย์ต้องบันทึกรายได้ 300 บ. ทั้งจำนวนในการยื่นภาษีนะ
การหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา เราไม่ต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหักค่าใช้จ่าย ซึ่งเวลาที่ไปอยู่เวรเอกชน และได้เป็น DF จึงหักแบบเหมากัน
ถ้าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะของรายได้เราได้ สิ่งที่จะมาช่วยให้เราเสียภาษ๊น้อยลง คือ การหาค่าลดหย่อน เช่น SSF RMF TESG PVD กบข ประกันชีวิต เป็นต้น มาหักเพิ่มเติม ซึ่งค่าลดหย่อนอาจมีปรับปรุงเพิ่มเติมในแต่ละปี
……………………………
หนังสือการอ่านงบการเงิน พร้อมตัวอย่างงบจากหุ้นจริง
ที่จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่า งบการเงินไม่ได้ยากอย่างที่คิด ![]()
มีทั้งหนังสือเล่ม และ E-book ให้ได้เลือกอ่านกันได้อย่างสะดวกนะคะ สามารถซื้อได้ทั้งจาก Shopee, Lazada และ TikTok Shop และตามร้านหนังสือ รวมทั้ง meb ด้วยนะ
ซื้อได้ในแอป Shopee https://th.shp.ee/nD7qmb9
หรือ ช้อปเลยที่ลาซาด้า https://s.lazada.co.th/s.p0FFo
หรือ TikTok Shop ก็ได้ https://vt.tiktok.com/ZSYwPWHFD/
มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือขั้นนำทั่วประเทศด้วยนะคะ
และมีเป็น E-book ด้วยนะคะ ซื้อได้ทาง meb นะคะ E-book ผ่าหุ้นด้วยงบการเงิน https://www.mebmarket.com/ebook-313592-ผ่าหุ้นด้วยงบการเงิน

