เงินเฟ้อ กับ ตลาดหุ้น

ช่วงนี้มักจะได้เห็นข่าว เรื่องความกังวลเรื่องเงินเฟ้อมากขึ้น และอาจส่งผลให้ตลาดหุ้น วันนี้มารู้จักกันว่า เงินเฟ้อคืออะไร และจะส่งผลยังไงได้กับตลาดหุ้น มาอ่านโพสนี้กัน…

สนใจรับชมบบวีดีโอ สามารถกดรับชมได้จากลิงค์นี้นะคะ


เงินเฟ้อ คือ การที่สินค้าและบริการโดยเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น เช่น ค่าอาหาร ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าน้ำมัน ค่ายา ค่าเสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าห้องพัก และอื่นๆ

จะเห็นว่า ภาวะเงินเฟ้อจะขึ้นอยู่กับ 2 เรื่องหลัก

อย่างแรก มีคนต้องการสินค้าและบริการนั้นจำนวนมาก เมื่อ demand ในตลาดมาก ก็ทำให้คนที่ขายสินค้าหรือบริการ สามารปรับราคาสินค้าและบริการได้

อย่างที่ 2 คือ ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น ก็จะให้คนขายไม่สามารถขายได้ในราคาเดิมก็ต้องปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เช่น คนขายอาหารตามสั่ง ถ้าค่าแก๊ส ค่าไข่ ของสดเพิ่ม เขาก็จะปรับราคาอาหารที่ขายเราเพิ่มขึ้น

ทั้ง 2 เรื่องก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐก็จะเข้ามาควบคุมเงินเฟ้อ ให้อยู่ในภาวะสมดุล ไม่ขึ้นมากเกินไป หรือน้อยไป เพราะเศรษฐกิจจะดี ต้องมีภาวะเงินเฟ้ออยู่บ้าง ประมาณ 1-3% เพราะเมื่อมีภาวะเงินเฟ้ออ่อนๆ แสดงว่าผู้คนมีการจับจ่ายใช้สอย ผู้ผลิตก็ขายของได้ ได้กำไร ก็เพิ่มการผลิตสินค้า หรือบริการมากขึ้น มีการจ้างงาน การลงทุนมากขึ้น ซึ่งก็จะดีกับเศรษฐกิจ

จาก 2 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเงินเฟ้อ คือ ความต้องการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการที่เพิ่มมากขึ้น และต้นทุนของสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

ดังนั้น คนที่เข้ามาดูแลเรื่องนี้ ก็จะเป็น

1. กระทรวงพาณิชย์ ที่เข้ามาดูแลราคาสินค้าและบริการ ไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสในช่วงสินค้าขาดแคลนปรับเพิ่มราคาสินค้ามากเกินไป และช่วยตรึงราคาสินค้าที่จำเป็นกับประชาชนโดยทั่วไปตามความเหมาะสม ตรงนี้ก็จะช่วยควบคุมไม่ให้เงินเฟ้อเพิ่มมากเกินไปได้ส่วนหนึ่ง

2. ธนาคารกลาง หรือบ้านเราก็คือธนาคารแห่งประเทศไทย หรือที่เราชอบเรียกันว่า แบงค์ชาติ การดูแลภาวะเงินเฟ้อของแบงค์ชาติ จะเป็นการดูแลผ่านเครื่องมือสำคัญคือ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหมือนเป็นคันเร่งและเบรคสำหรับใช้ในการดูแลภาวะเศรษฐกิจ

ถ้าเป็นประเทศอเมริกา คือ ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ที่เรามักเห็นตามข่าว

โดยเมื่อมีเงินเฟ้อเริ่มเพิ่มมากเกินไป ธนาคารอาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะเมื่อมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้น ประชาชนก็เริ่มชะลอการใช้จ่าย เอาเงินไปออมเพิ่มขึ้น จะกู้เงินมาซื้อบ้าน ซื้อรถ ก็จะระวังมากขึ้น เพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลกับการกู้เงินไปเพิ่มกำลังการผลิต หรือขยายกิจการของผู้ประกอบการต่างๆ ตรงนี้ก็จะส่งผลต่อผู้ประกอบต่างๆ ที่อยู่ในตลาดหุ้นด้วยนะ

จึงเป็นกลไกเพื่อให้เงินเฟ้ออยู่ในสมดุลที่เหมาะสมนั่นเอง ส่วนถ้าเงินเฟ้อน้อยเกินไป ธนาคารกลางก็จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลในทิศทางกลับกันนั่นเอง

ถ้าเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น จะทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อกำไรของบริษัทได้ โดยเฉพาะถ้ากิจการนั้นไม่สามารถปรับเพิ่มราคาสินค้าได้ทัน กับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ก็ทำให้กำไรของบริษัทอาจลดลงได้

และเมื่อมีภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางอาจมีการปรับเพิ่มอัตราดออกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มเติม ส่งผลต่อภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นของบริษัท และบริษัทจะกู้เงินมาขยายกิจการเพิ่ม ก็จะเริ่มระมัดระวังมากขึ้น

ตรงนี้จึงอาจส่งผลทำให้ตลาดหุ้นอาจปรับลดลงได้จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

————————————

มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง

คอร์สที่จัดทำสำหรับมือใหม่ลงทุนหุ้น ที่จะได้เรียนรู้ตั้งแต่การเลือกหุ้น การอ่านงบการเงิน รวมไปถึงการประเมินมูลค่าหุ้น

เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ ทวนกี่ครั้งก็ได้

ลงทะเบียนเรียนกันได้เลย

https://www.skilllane.com/courses/i-investor
Advertisement

Published by DoctorWantTime

แพทย์ผู้ชื่นชอบการลงทุน

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

%d bloggers like this: