เงินเดือนท่าไหร่ เสียภาษีเท่าไหร่ ??

มนุษย์เงินเดือน รายได้ที่ได้รับมาจากเงินเดือนที่ในแต่ละเดือนนั้นจะเป็นรายได้ 40(1) เป็นรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายได้น้อย จึงเสียภาษีแบบเต็มๆ ซึ่งภาษีถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องเสียไปพอสมควร มาดูตัวอย่างกันว่า เงินเดือนท่าไหร่ เสียภาษีเท่าไหร่

สนใจรับชมแบวีดีโอ สามารถกดรับชมได้จากลิงค์นี้นะคะ

มนุษย์เงินเดือนนั้น รายได้จะเป็น 40(1) ซึ่งหักเหมาได้เท่านั้น หักได้ 50% เงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บ. (ข้อจำกัดตรงเพดานการหักค่าใช้จ่ายตรงนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนเสียภาษีเต็มๆ)

พอเราหักค่าใช้จ่ายแล้ว ก็จะนำมาหักค่าลดหย่อนต่างๆ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บ. (ค่าลดหย่อนส่วนตัวตรงนี้ ทุกคนจะได้รับ เวลาเรายื่นภาษีออนไลน์ ระบบจะคำนวณให้อัตโนมัติ), PVD, ประกันชีวิต, SSF, RMF เป็นต้น

ซึ่งก็จะเป็นแบบนี้ รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ

ตรง “เงินได้สุทธิ” นี้เองที่เราจะนำเข้ามาคำนวณอัตราภาษี ซึ่งอัตราภาษีของเมืองไทย จะใช้เป็นแบบขั้นบันได ตามรูปนะ ในรูปตารางอัตราภาษี จะมีเขียนอัตราภาษีในแต่ละขั้น และภาษีที่ต้องเสียถ้าเรามีช่วงเงินได้สุทธิเต็มขั้นในช่วงนั้น

การคำนวณอัตราภาษีนี้ เราต้องดูว่าเงินได้แต่ละฐานของเรา เป็นบันไดแต่ละขั้นที่ต้องก้าวไปจากขั้นแรก และบวกสะสมแต่ละขั้นกันไปเรื่อยๆ แบบนี้…

ตัวอย่าง

มนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งโสด พ่อแม่ยังมีเงินได้จึงไม่สามารถนำของค่าเลี้ยงดูพ่อแม่มาลดหย่อนได้ มีเงินเดือน 50,000 บ. ต่อเดือน

มีค่าลดหย่อนเพิ่มแค่เรื่องของประกันสังคม ซึ่งปี 65 นี้รัฐมีการปรับลดเงินที่หักเข้าประกันสังคม ซึ่งปกติประกันสังคมจะหักได้ 9,000 บ.ต่อปี ของปี 65 สูงสุดก็จะเป็นแค่ 7,200 บ. ลองดูกันว่า จะเสียภาษีเท่าไหร่

เงินได้ทั้งปี 50,000 บ. X 12 เดือน = 600,000 บ. ต่อปี เป็นรายได้ 40(1)

หักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บ. ดังนั้นจะหักค่าใช้จ่ายได้สูงสุด ตรงนี้ แค่ 100,000 บ.

ค่าลดหย่อน

ค่าลดหย่อนส่วนตัว รัฐกำหนดให้ลดหย่อนได้ 60,000 บ.

ประกันสังคม 7,200 บ.

เงินได้สุทธิที่ต้องนำไปคำนวณอัตราภาษี คือ

600,000 – 100,000 – 60,000 -7,200 บ. = 432,800 บ.

มาดูกันที่อัตราภาษีแบบขั้นบันไดกัน ที่ต้องเริ่มกันที่ตั้งแต่ก้าวแรก หรือขั้นแรก แล้วบวกขึ้นไปเรื่อยๆ

เริ่มกันที่ขั้นที่ 1 จากตาราง เงินได้ในขั้นแรก 150,000 บ. แรก ไม่เสียภาษี เพราะฉะนั้น 150,000 บ. แรกของเรา ขั้นนี้ ภาษีที่ต้องเสีย คือ 0

มาขั้นที่ 2 เงินได้ที่มากกว่า 150,000 จนถึง 300,000 บ. เสีย 5% ซึ่งช่วงนี้ ก็คือเงินได้ของเราในช่วงนี้ทั้งหมด คือ 150,000 บ. ก็ต้องถูกนำมาคิดภาษี ในอัรา 5% ขั้นที่ 2 นี้ เราจะเสียภาษี = 150,000 X 5% = 7,500 บ. (เสียเต็มขั้นในขั้นนี้)

.

มาขั้นที่ 3 เงินได้ที่เกิน 300,000 บ. ถึง 500,000 บ. เสีย 10% ซึ่งช่วงนี้ ก็คือเงินได้ของเราในช่วงนี้ทั้งหมด คือ 132,800 บ. ก็ต้องถูกนำมาคิดภาษี ในอัตรา 10% ขั้นที่ 3 นี้ เราจะเสียภาษี = 132,800 X 10% = 13,280 บ.

.

จะเห็นว่าเงินได้เราสุดอยู่ตรงขั้นนี้ ก็ไม่ต้องเดินต่อไปในขั้นถัดไป ทีนี้เราก็เอาแต่ละขั้นที่เราสะสมไว้ในทั้ง 3 ขั้น มาเป็นภาษีที่เราต้องจ่าย แบบนี้

= 0 บ. + 7,500 + 13,280 = 20,780 บ.

ยิ่งถ้าเรามีรายได้สูง โดยเฉพาะลักษณะรายได้ที่เป็น 40(1) หรือเงินเดือน จะยิ่งทำให้เราต้องเสียภาษีสูง จะเห็นว่า เงินเดือน 50,000 บ. เสียภาษีประมาณเงินครึ่งหนึ่งของเงินเดือนของเรา แต่ถ้าเราเงินเดือน 100,000 บ. เราจะเสียภาษีประมาณเงินเดือนของเรา 1 เดือนกว่า เลยทีเดียว

รายได้ 40(1) เป็นรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายได้น้อย จึงเสียภาษีแบบเต็มๆ ถ้าเปลี่ยนลักษณะรายได้ไม่ได้ ควรหาค่าลดหย่อนมาเพิ่มเติม เพื่อประหยัดภาษี

สรุป!! รายการลดหย่อนภาษีปี 65

https://doctorwanttime.com/2022/08/17/สรุป-ลดหย่อนภาษี-65/

————————————

มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง คอร์สที่จัดทำสำหรับมือใหม่ลงทุนหุ้น

ที่จะได้เรียนรู้ตั้งแต่การเลือกหุ้น การอ่านงบการเงิน รวมไปถึงการประเมินมูลค่าหุ้น

เรียนจบ สามารถนำไปปรับใช้ เพื่อเลือกหุ้นลงทุนได้ด้วยตนเอง

เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ ทวนกี่ครั้งก็ได้

ลงทะเบียนเรียนกันได้เลย

https://www.skilllane.com/courses/i-investor
Advertisement

Published by DoctorWantTime

แพทย์ผู้ชื่นชอบการลงทุน

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

%d bloggers like this: