ทำไมเมื่อดอกเบี้ยขาขึ้น มูลค่าตราสารหนี้ลดลง และดอกเบี้ยขาลง ส่งผลให้มูลค่าตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ใครสงสัยมาอ่านกัน
การคำนวณราคาตราสารหนี้ จะใช้เรื่องของมูลค่าของเงินตามเวลา ที่เรารู้จักกันดี
FV = PV (1+r)^t
FV คือเงินในอนาคต PV เงินปัจจุบัน r ผลตอบแทนที่ได้รับ t คือเวลา
ถ้าต้องการปรับเงินในอนาคตกลับมาเป้ฯปัจจุบัน ก็จะทำได้แบบนี้
PV = FV/ (1+r)^t
ซึ่งการลงทุนตราสารหนี้นั้น จะได้รับดอกเบี้ยในแต่ละปี และได้เงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยที่ปีสุดท้าย

สามารถนำมาประเมินมูลค่าตราสารหนี้ได้
โดยคิดดอกเบี้ยที่ได้รับแต่ละปี ปรับมูลค่าของเงินตามเวลา โดยสิ้นปีสุดท้าย จะได้เงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยปีสุดท้าย และนำทั้งหมดบวกรวมกัน
จากสูตร ราคาจะขึ้นกับ
1. กระแสเงินสดที่ได้รับในแต่ละปี ก็คือเงินดอกเบี้ยที่ได้รับในอนาคตว่า จะได้เท่าไหร่ ได้กี่ปี
2. ตัว r หรือ เรียกว่า อัตราคิดลด หรือผลตอบแทนที่คาดหวังที่เราจะได้รับ
ตัวอย่าง ราคาหน้าตั๋ว 1,000 บ. จ่ายดอกเบี้ยปีละครั้ง 5% ต่อปี และจ่ายเงินต้นคืน เมื่อสิ้นปีที่ 3 อัตราคิดลด หรือ r คือ 5%
เราก็จะปรับเงินที่ได้รับปีละ 50 บ. ซึ่งคิดจาก 5% ของ 1,000 บ. นะ และปีสุดท้ายจะได้เงิน 1,050 บ. ปรับด้วยมูลค่าของเงินตามเวลา ถ้าอัตราคิดลดหรือ r หรือผลตอบแทนที่ต้องการ เท่ากับ ดอกเบี้ยที่ระบุไว้ คือ 5% ก็จะคิดราคาตราสารหนี้ได้ 1,000 บ.
แต่ถ้าคาดการณ์ ดอกเบี้ยจะขึ้นไปอีก และต้องการ r ที่ 6% จะทำให้มูลค่าตราสารหนี้ลดลงเป็น 974 บ.
ราคาของตราสารนี้ ขึ้นกับกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับ และอัตราการคิดลดนะ และจากตัวอย่างจะเห็นว่า เมื่อแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น จะทำให้มูลค่าตราสารหนี้ลดลงได้ และถ้าแนวโน้มดอกเบี้ยเป็นขาลง มูลค่าตราสารหนี้เดิมก็จะเพิ่มขึ้น
ดังนั้นมูลค่าตราสารหนี้ในตลาดจะมีการปรับขึ้นลงได้ ตามการคาดการณ์เศรษฐกิจ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของนักลงทุน และกองทุนราวมตราสารหนี้ NAV ก็จะปรับขึ้นลงได้ เนื่องจากจะมีการ Mark to market ของสินทรัพย์ที่กองลงทุน ถึงแม้ไม่ได้มีการขายตราสารหนี้นั้นออกมา
————————————
มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
คอร์สที่จัดทำสำหรับมือใหม่ลงทุนหุ้น
ที่จะได้เรียนรู้ตั้งแต่การเลือกหุ้น การอ่านงบการเงิน รวมไปถึงการประเมินมูลค่าหุ้น
เรียนจบสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อเลือกหุ้นลงทุนได้ด้วยตนเอง
เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ ทวนกี่ครั้งก็ได้ ลงทะเบียนเรียนกันได้เลย
