SINGER หุ้นลง จากความกังวล NPL และสินค้ายึดคืน น่ากังวลแค่ไหน หาดูได้จากตรงไหน
สนใจรับชมแบบวีดีโอ กดรับชมได้จากลิงค์นี้นะคะ
SINGER บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายในบ้านต่างๆ นอกจากนี้ยังจำหน่ายสินค้าเชิงพาณิชย์ เช่น เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการเกษตร ตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือออนไลน์ ตู้เติมน้ำมันแบบหยอดเหรียญ มากกว่า 80% ของยอดขายเป็นการขายแบบเช่าซื้อ โดยบริษัทให้เช่าซื้อผ่านทาง บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (ชื่อย่อหุ้น SGC) ซึ่ง บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 99.99%
งบที่นำมาให้ดูเป็นงบปี 65 ของ SINGER นะ งบ Q1/66 ยังไม่ออก
เวลาดูงบของ SINGER หรือ SGC ที่เป็นบริษัทลูก จะมีคำว่า “เช่าซื้อ” ซึ่งก็คือ ให้ของไปใช้ก่อนและให้ลูกหนี้ค่อยๆ ผ่อน และ ”ให้กู้ยืม”เช่น จำนำทะเบียนรถ โดยทำผ่านบริษัทลูก SGC
เมื่อเช้าไปดูบการเงินฉบับเต็ม เรื่องของลูกหนี้ และสินค้าคงเหลือ จะอยู่ในสินทรัพย์ ในงบดุล เราก็เข้าไปดูตรงนั้น เพื่อดูว่าจะเข้าไปดูหมายเหตุในงบเลขที่เท่าไหร่ ซึ่งในหมายเหตุจะมีรายละเอียด
การจัดชั้นลูกหนี้
ระดับแรก เงินให้สินเชื่อที่ไม่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิต(performing) คือ ลูกหนี้ที่ไม่ได้ผิดชำระหนี้
ระดับ 2 เงินให้สินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิต (under-performing) คือ ลูกหนี้ค้างชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นเกินกว่า 30 วัน
และระดับ 3 เงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (non-performing; NPL) สินเชื่อที่ผิดชำระหนี้หนี้เกิน 3 เดือนติดต่อกัน ลูกหนี้ถึงแก่ความตาย/ สาญสูญ เลิกกิจการ ล้มละลาย ไม่สามารถเรียกชำระหนี้คืนได้ หรือคุณภาพของลูกหนี้มีการเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ
จากระดับของลูกหนี้ก็จะคิดคำนวณออกมา เป็น ผลขาดทุนทางด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss; ECL) หรือที่เรียกว่าการตั้งสำรอเมื่อก่อน ซึ่ง ECL ก็จะมาเป็นตัวหักออกจากรายได้ และส่งผลต่อกำไรสุทธิของบริษัท

ที่ดูน่ากังวล ก็ดูเป็นลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งมี NPL หรือ ชั้นที่ 3 ต่อยอดลูกนี้เช่าซื้อ 600.987/ 4,976.554 ลบ. = 12% ของยอดสินเชื่อเช่าซื้อ และจะเห็นว่า ตั้งสำรองหรือ ECL ที่ตั้งไว้ 405.973 ลบ. หน่วยที่แสดงจะเป็นหน่วยพันบาทนะ
ข้อสังเกต คือยังไม่คลุม NPL ทั้งหมด ที่ 600 กว่าล้านบาท) ซึ่งบริษัทอาจคิดว่า NPL นี้ยังพอจัดการได้
ลูกหนี้ชั้นที่ 2 ที่ต้องระวังว่า ในอนาคตจะลงมาเป็น NPL หรือเปล่า การตั้ง ECL นี้พอไหม คงต้องติดตามดูงบ Q1/66 ที่กำลังจะออก
ส่วนสินค้าคงเหลือ มีบรรทัดสินค้ายึดคืนเพิ่มขึ้นมามาก จากปี 64 ที่ 119 ลบ. มาเป็น 1,054 ลบ. ของปี 65 และมีการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนจากมูลค่าที่ลดลงของสินค้าคงเหลือ 50 ลบ.
สินค้ายึดคืน ก็คือ สินค้าที่ลูกค้านำไปใช้แล้วผ่อนไม่ไหว บริษัทก็ไปยึดสินค้าคืนมา เช่น พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่บริษัทขายไป ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่น่ากังวล คงต้องติดตามกันว่า งบ Q1/66 จะออกมายังไง
……………………………………………….
มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
เรียนจบ สามารถนำไปปรบใช้เพื่อเลือกหุ้นลงทุนได้ด้วยตนเอง
เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ ทวนกี่ครั้งก็ได้
ลงทะเบียนเรียนกันได้เลย
