การดูความสนใจของการลงทุนหุ้น อาจพิจารณาจาก P/E และผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุน โดยเทียบกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย
ซึ่ง PE ratio หรือ PER คิดจาก ราคา มาหารด้วยกำไร เพื่อบอกความถูกความแพง
แต่ถ้าเรากลับเศษส่วน คือ เป็น กำไร/ ราคา จะได้ออกมาเป็นผลตอบแทนที่จะได้รับ เมื่อลงทุนที่ราคาเท่านี้ จะเห็นว่า กำไร/ ราคา มันก็คือ ส่วนกลับของ P/E ซึ่งเรียกว่า earning yield
การเทียบ earning yield จะเทียบกับสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อย หรือแทบจะไม่มีความเสี่ยง อย่างผลตอบแทนจากพันธบัตรระยะยาว หรือเงินฝาก

ตอนนี้ P/E ของตลาดหุ้นไทย 17.59 (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธ.ค. 65)
Earning yield = 1/17.59 = 5.7%
ข้อมูล P/E ของตลาดหุ้นไทย หาดูได้จากในเว็บไซ๖์ของ set เข้าไป หน้าแรก เลือก ข้อมูลการซื้อขาย >> ผลิตภัณฑ์ >> หุ้น >> สรุปภาพรวมตลาด
หรือถ้าจะหาข้อมูล P/E ย้อนหลัง ก็สามารถหาได้จากในเว็บไซต์ของ set เช่นกัน เลือก ข้อมูลการซื้อขาย >>ข้อมูลและสถิติ >>สถิติสำคัญตลาดหลักทรัพย์>>ภาพรวมสถิติสำคัญตลาดหลักทรัพย์ https://www.set.or.th/…/statistics/market-statistics/main
ถ้าผลตอบแทนของพันธบัตร 10 ปี = 2.6% (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธ.ค. 65 หาดูได้จากเว็บไซต์ ThaiBMA นะ)
Earning Yield Gap = Earning Yield – Bond Yield
Earning Yield Gap =5.7 – 2.6 = 3.1%
ถ้าลงทุนในหุ้น ให้ผลตอบแทนสูงกว่า การลงทุนในพันธบัตร 3.1% ต่อปี
ถ้าผลตอบแทนจากพันธบัตรเพิ่มขึ้น หรือ P/E สูงขึ้น จะทำให้ Earning Yield Gap ลดลง ความน่าสนใจในการลงทุนหุ้นจะลดลงได้
ถ้าจะให้ Earning Yield Gap สูงขึ้น ก็คือ ผลตอบแทนสินทรัพย์เสี่ยงน้อยลดลง หรือ P/E ของตลาดถูกลง ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นน่าสนใจเพิ่มขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม
P/E VNI ของเวียดนาม 11 เท่า earning yield ได้ 9% (ปรับลดลงจากเดิมที่ ~17 เท่า earning yield 5.8% ) ส่วน bond yield 10 ปี อยู่ที่ 5.1% (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธ.ค. 65)
————————————
มาเรียนรู้การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
คอร์สที่จัดทำสำหรับมือใหม่ลงทุนหุ้น
ที่จะได้เรียนรู้ตั้งแต่การเลือกหุ้น การอ่านงบการเงิน รวมไปถึงการประเมินมูลค่าหุ้น
เรียนจบสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อเลือกหุ้นลงทุนได้ด้วยตนเอง
เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ ทวนกี่ครั้งก็ได้ ลงทะเบียนเรียนกันได้เลย
